รีโนเวทตึกแถวเก่า 30 ปี ให้เป็นตึกแถวใหม่ ในราคาประหยัด

รีโนเวทตึกแถวเก่า 30 ปี ให้เป็นตึกแถวใหม่ ในราคาประหยัด

พบกับรีวิวการรีโนเวทบ้านกันอีกเช่นเคย วันนี้เป็นรีวิวจาก สมาชิกหมายเลข 938988 Pantip.com กับการแปลงโฉมตึกแถวเก่า ที่มีสภาพค่อนข้างทรุดโทรม อายุอานาม ประมาณ 30 ปี เปลี่ยนใหม่ให้กลายเป็นตึกแถวที่ดูเรียบ ๆ สะอาดตา ใครที่กำลังมองหาไอเดีย หรือ ทริคในการรีโนเวทบ้านกันอยู่ ตามมาดูกันต่อได้เลยค่ะ

Renovate ตึกแถวเก่าๆ ให้เหมือนใหม่ ในราคาประหยัด

54

ด้วยความที่เราเองก็อยากจะมีบ้านหลังแรกซักหลัง แต่งบประมาณก็จำกัด เป็นจังหวะพอดีที่เพื่อนบ้านข้างๆประกาศขายตึกแถวราคาแสนประหยัด เรียกได้ว่าเงินแค่นี้ จะหาบ้านเป็นของตัวเองสมัยนี้คงไม่ได้แล้ว เรานี่ก็รีบยื่นเรื่องขอกู้เลยจ้า โชคดีที่เป็นบ้านตึกแถวทำเลทอง ธนาคารเลยปล่อยกู้แบบง่ายๆ

ซึ่งอายุอานามก็ราวๆ เกือบ 30 ปี ที่ปล่อยให้คนเช่ามาโดยตลอด จึงไม่ผ่านกระบวนการตกแต่ง ต่อเติมใดๆทั้งสิ้น เรียกว่าเป็นบ้านตึกแถว (อาคารพาณิชย์ 2 ชั้น ขนาดกว้าง 4 เมตร x ยาว 15 เมตร) แบบ Original Style กันเลยทีเดียว

1

สภาพที่เข้าไปตอนแรก เป็นแบบนี้เลย…

2

3

4

5

6

สภาพที่เห็นคือมีการปัดกวาด ชำระของเก่าทิ้งไปบางส่วนแล้วนะคะ

ขั้นตอนต่อมาคือ เรามานั่งคำนวณเงินที่พอมีอยู่ว่าสามารถทำอะไรกับบ้านหลังนี้ได้บ้าง ด้วยงบประมาณอันน้อยนิด เราต้องจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำก่อน-หลัง

สิ่งที่คิดลำดับแรกคือทำยังไงเราถึงจะเข้าอยู่บ้านหลังนี้ได้? (แบบอยู่ไป ตกแต่งไป เติมนั่นนิดนี่หน่อยตามงบประมาณที่จัดสรรได้) ก็พบว่ามีรายการที่ต้องแก้ไขเรียกว่าเป็น First Priority สำหรับโครงการรีโนเวทในครั้งนี้ คือ

1.สั่งทำประตูหน้าบ้านบานใหม่ เนื่องจากบานเก่าถูกสนิมกัดกินจนไม่สามารถเปิด-ปิดได้สะดวก แถมยังล็อคไม่ได้อีกต่างหาก

2.ปรับโครงสร้างบ้าน โดยขั้นตอนนี้เราให้ช่างผู้รับเหมามาสำรวจอยู่ 2 เจ้า ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า บ้านหลังนี้อยู่ตัวแล้ว ไม่ทรุดอย่างแน่นอน และโครงสร้างมีความแข็งแรงมาก

ด้วยความที่บ้านสมัยก่อนมักจะใช้วัสดุที่มีความหนาแน่น คงทนสูงกว่าสมัยปัจจุบัน ดังนั้นเราจึงวางใจได้

ส่วนปูนที่เก่าๆ กร่อนและหลุดร่อนออกมาก็กระเทาะออกแล้วฉาบใหม่ก็เป็นอันเรียบร้อย

3.ซ่อมหลังคาและฝ้าเพดานใหม่ เพราะมีรอยรั่วหลายจุด ทำให้ฝ้าเปื่อยและร่วงลงมา (เดินๆที่ต้องระวังจะหล่นมาโดนหัวนะจ๊ะ)

4.ทำห้องน้ำใหม่โดยที่เราจะทุบห้องน้ำเดิมซึ่งเป็นแบบส้วมซึม มีราและแบคทีเรียจำนวนมากเกาะตามผนังและพื้น
เราจึงแพลนว่าจะย้ายห้องน้ำไปอยู่หลังบ้านซึ่งแต่เดิมเป็นลานซักล้าง และเราไม่ค่อยได้ใช้งาน
4.1 ทุบห้องน้ำเดิม
4.2 ย้ายห้องน้ำไปด้านหลัง
4.3 ทุบกำแพงทำเป็นประตูเชื่อมกับข้างบ้าน (ซึ่งเป็นบ้านที่เราอาศัยอยู่ปัจจุบัน)

5.ทาสีบ้านใหม่ทั้งหลัง

เท่านี้ก่อนสำหรับ Phase แรกของการรีโนเวทบ้านหลังนี้ งบประมาณขาดเหลือต้องดูอีกทีจ้า

8

มาเริ่มที่ลำดับแรกนั่นคือ 1.ประตูหน้าบ้าน เรายังคงเลือกประตูเหล็กยืดแบบเดิม แต่เปลี่ยนใหม่ยกเซ็ท เพราะโดยส่วนตัวคิดว่าใช้งานง่ายกว่าประตูม้วน

เนื่องจากด้านล่างเราจะทำเป็นที่จอดรถ จึงต้องเลือกประตูที่เปิดได้กว้างพอที่รถจะเข้าได้ มาจบที่ประตูเหล็กยืดราคาโรงงานที่ช่างรับเหมา (ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นช่างประจำหมู่บ้านของเรา) เป็นคนจัดหามาให้ในราคาที่ถูกกว่าไปซื้อตามร้าน (แต่ต้องมาพ่นกันสนิม พ่นสี และติดตั้งเอง)

9

มีภาพเปรียบเทียบ Before and After ให้ดู ค่อนข้างแตกต่างอย่างชัดเจน

บ้านนี้เจ้าของบ้านชอบสีขาวค่ะ ส่วนใหญ่เลยเน้นเป็นสีขาว ประตูด้านนอกก็เป็นสีขาว แต่บังตาด้านในเลือกเป็นเขียวน้ำทะเล ให้ดูสดใสขึ้นหน่อย

10

2.โครงสร้างบ้านและปูน อย่างที่บอกว่าโครงสร้างนั้นมีความแข็งแรงทนทานอยู่แล้ว จะมีก็แต่ปูนฉาบที่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน ช่างจึงเริ่มสกัดปูนที่หลุดร่อนออก แล้วฉาบปูนใหม่

บางจุดเล็กๆก็ใช้ปูนฉาบบางฉาบปิดรอยร้าว รอยแตก (อันนี้เท่าที่สังเกตุช่างเขาทำนะคะ ไม่ได้ทำเอง)

ภาพนี้สังเกตดูผนังด้านข้างช่างจะกระเทาะปูนเก่าออกบริเวณที่ปูนหลุดร่อน แล้วเอาปูนกาวมาละเลงก่อนรอบนึงแล้วจึงใช้ปูนฉาบ ฉาบลงไป

11

3.ว่าด้วยเรื่องหลังคาและฝ้าเพดาน งานนี้ตอนแรกจะเหมาช่างมาซ่อมหลังคาให้ แต่พอดี๊ เป็นวันหยุดพอดีมองไปมองมา รื้อฝ้าออกมาก่อนแล้วกัน ไม่น่ายาก ก็จัดแจงปีนบันไดไปปลดฝ้าเพดานลงมาทีละแผ่น

12

แผ่นแรกก็แทบเผ่นเลย ฝุ่นเยอะมากๆ ต้องหาเครื่องป้องกันโดยด่วนๆๆ (แอบมีกำลังใจอยู่ข้างหลัง อิอิ)

13

14

15

รื้อออกมาจนหมด ใช้เวลาเบ็ดเสร็จ ทำคนเดียว แค่ครึ่งวันเท่านั้นเอง ไม่ได้ยากเลยค่ะ แต่เยินมาก เพราะฝุ่นที่สะสมมานานเกือบๆ 30 ปี โกยไปถมที่ได้เลย (เปรียบเปรย)

ต่อไปที่คิดไว้คือ ไปซื้อฝ้าใหม่มาใส่ก็คงพอแล้ว แต่พอคุณพ่อมาตรวจดู ก็พบว่าหลังคายังอยู่ในสภาพดี (อย่างที่บอกว่าวัสดุก่อสร้างสมัยก่อนมีแต่อย่างหนา อย่างดี อย่างทนทั้งนั้น)

มีรูรั่วนิดหน่อย คุณพ่อเลยเอากาวสำหรับอุดรูรั่วมาอุดให้ แค่นี้หลังคาก็ใช้งานได้แล้ว (ไม่ได้ยากอย่างที่คิดไว้เลยเน้อะ)

จัดแจงซ่อมหลังคาแล้วช่างใหญ่ (คุณพ่อของเรานี่เอง) ก็ยังบอกอีกว่า โครงฝ้าทีบาร์ ก็หักหลายอัน น่าจะเปลี่ยนใหม่หมดเลย เดี๋ยวจัดการรื้อของเก่าออกแล้วไปซื้อของใหม่มาใส่ก่อน

คิดได้ดังนั้นก็ออกไปจัดหาอุปกรณ์กันเลย…..

16

18

รื้อๆๆๆๆ รื้ออกหมดแล้วโล่งเลย

19

20

เบ็ดเสร็จขั้นตอนนี้ใช้เวลา 1 วัน มีคุณพ่อ คุณอา แฟน แล้วก็น้องข้างบ้านมาช่วยกัน เหลือแค่ปรับลวดให้ฝ้าอยู่ในระนาบเดียวกัน มันมืดมองไม่ค่อยชัด คงต้องรอทำตอนกลางวันอีกที (มีแอปปลิเคชั่นในไอโฟนช่วยวัดระดับได้ เป็นตัวช่วยที่ดีจริงๆ)

22

4.ห้องน้ำ ห้องครัว งานนี้ทำเองคงไม่รอดแน่ เพราะต้องมีงานทุบ งานก่อ งานฉาบ ก็เลยเหมาช่างเจ้าประจำมาทำให้ “ราคากันเอง คุณภาพถูกใจ” คือดีงามมากๆเลยหัวใจ

สภาพดั้งเดิมของห้องครัวด้านหลังบ้าน จะมีห้องน้ำขนาด 1 x 3 เมตร ที่มีน้ำขังซึมตลอดเวลา (ไม่ได้ถ่ายรูปมา เพราะเดินเข้าแล้วต้องรีบเดินออกทันที ไม่สามารถอยู่นานได้จริงๆ)

งานที่เราเหมาช่างมีรายการต่อไปนี้

– ทุบห้องน้ำเก่า
– ก่อห้องน้ำใหม่ (ต้องทุบกำแพงทำเป็นประตู) รวมหลังคาและรางน้ำ
– ทุบกำแพงด้านข้างเป็นประตูเชื่อมกับบ้านข้างๆ (บ้านที่อาศัยอยู่ปัจจุบัน)
– ก่อปูนปิดประตูเดิม ใส่บล้อคแก้วและบล้อคช่องลมระบายอากาศ
– ย้ายท่อระบายน้ำ(ตำแหน่งเดิมจะเทพื้นห้องน้ำใหม่)
เบ็ดเสร็จสรุปราคาเหมาแบบโดนใจมากๆ รีบตอบตกลงทันทีทันใด

23

24

25

เราวาดภาพคร่าวๆให้ช่างดูเผื่อจะเข้าใจง่ายขึ้นตามนี้เลย

ขั้นตอนต่อไปก็เป็นงานของช่างแล้วแหละ (งานนี้ต้องใจเย็นๆ เพราะช่างของเราค่อนข้างอินดี้ งานของแกได้รับการการันตีจากเพื่อนบ้านว่าเนี๊ยบ แต่จะทำตามอารมณ์ของแก ซึ่งเราเองก็ไม่ได้รีบร้อน ขอให้ออกมาโอเคก็พอแล้ว

เริ่มต้นช่างก็จะทุบเอาผนังห้องน้ำและกำแพงด้านหลังที่จะทำเป็นประตูเชื่อมไปยังห้องน้ำห้องใหม่

หลังจากนั้นก็ดูดส้วมเอาของเดิมออก ทีแรกจะเปลี่ยนถังใหม่ แต่ว่าถังเก่ายังสภาพดีอยู่ แค่ล้างถังใหม่ก็เรียบร้อย ส่วนท่อน้ำทิ้งเราลอกท่อเดิมแล้ววางท่อใหม่ให้ออกมานอกห้องน้ำตรงที่เป็นลานซักล้าง เพราะไม่อยากให้กลิ่น และหนูเข้าไปรบกวนในบ้าน

นอกจากนี้ยังมีการเทคานบริเวณที่จะก่อกำแพงห้องน้ำเพิ่มด้วย เพื่อให้คงทนถาวร ป้องกันการยุบตัวหรือถล่มลงมาอีกด้วย หลังจากวางท่อแล้วก็เทปูนบริเวณที่จะทำเป็นห้องน้ำ (ขนาดห้องน้ำประมาณ 2 x 2 เมตร) และเหลือพื้นที่เป็นลานซักล้างอีก 2 x 2 เมตร

ต่อมาคือก่อกำแพงบริเวณที่เคยเป็นประตูและหน้าต่าง (บล็อคแก้วเราซื้อมาเอง เพราะจะได้เลือกลายที่ชอบได้) ส่วนผนังด้านข้างยังทุบไม่ได้ เพราะประตูบานใหม่ยังไม่มา บ้านยังล็อคไม่ได้ เดี๋ยวขโมยเข้าไปขนของที่บ้านเก่าละแย่เลย

26

อ่ะมาดูภาพกันดีกว่า ถ่ายมาได้ไม่ละเอียดมาก เพราะเข้าถึงยากเหลือเกิน

27

28

29

30

เอาเป็นว่าตัดภาพมาตอนเรียบร้อย กันเลยนะคะ เพราะว่าส่วนใหญ่เป็นงานของช่าง เราแค่แวะเวียนไปดูนิดหน่อย และมีช่วงไม่อยู่หลายวันเลยไม่ได้เก็บภาพมาให้ดู
ระหว่างที่หายไป ช่างก็ดำเนินการตามที่ตกลงกันไว้ ส่วนที่เหมาเพิ่มเติมคือปูพื้นกระเบื้องห้องครัวค่ะ
เสร็จเรียบร้อยตามนี้

32

มาดู Before and After กัน

33

ส่วนห้องน้ำก็เพิ่มเติมอ่างล้างหน้ามาอีก (เราชอบแนวๆ ล้อฟนิดๆ ก็จัดเป็นปูนเปลือยขัดมัน หาแบบตามเว็ปไซด์ทั่วไปค่ะ)

34

ปูนขัดมันนี่ช่างขัดให้นะ แต่เราซื้อน้ำยาเคลือบเงามาเคลือบทับอีกที แบบกันน้ำกันเชื้อรา ทำความสะอาดง่ายขึ้น และดูสวยเงาฉ่ำวาวมากขึ้นด้วยแหละ

35

ก่อนจะว่าด้วยเรื่องการทำสีบ้านใหม่ ขอคั่นด้วยโปรเจ็คพิเศษซึ่งมีผู้สนับสนุนทุนให้ เพราะเห็นว่าไหนๆชั้นล่างก็จะเอาไว้เป็นที่จอดรถ ก็เลยคิดว่าน่าจะเทพื้นให้ดูแข็งแรง หนาแน่นมากขึ้น อาโกก็เลยให้ตังค์มาเทพื้น จุ๊บๆ
แหมๆๆ เราจะรออะไรล่ะ ก็เลยคุยราคากับช่างเลย

การเทพื้นนี่ช่างจะเหมาปูนมาเทให้คำนวนดูแล้ว ถ้าจะให้สูงจากของเดิมซัก 5 เซนติเมตร (แต่ตรงกลางก็เป็นแอ่งลึกอยู่เหมือนกัน ) รวมๆกับเททางลาดหน้าบ้านให้รถยนต์เข้าได้ง่ายๆ รวมๆก็ประมาณ 8 คิว

ปล. ไม่อยากให้สูงมาก ปล่อยให้เพดานสูงๆ จะรู้สึกโล่งสบายมากกว่าเพดานเตี้ยๆ อันนี้ความรู้สึกส่วนตัว คือชอบอะไรที่โล่งๆสบายๆค่ะ อีกอย่างทำเลแถวนี้น้ำไม่ท่วมแน่นอน ไม่จำเป็นต้องยกพื้นให้สูงเลย

ขั้นแรกช่างจะเอาเหล็กเส้นมาวางตีตารางไว้ก่อน (ไม่มีรูป) แล้วก็เชื่อมเหล็กรางประตูหน้าบ้านให้สูงได้ขนาดแล้วยังมีการยกฝาท่อให้สูงได้ระดับเดียวกันอีกด้วย

หลังจากนั้นก็เริ่มเทปูน รอจนหมาดๆ ก็จะโรยผงปูนแล้วขัดให้อีกที ก็เป็นอันเรียบร้อย ดูดีขึ้นมาอีกระดับนึงนะ ดูรูปๆ

36

37

มาดู Before and After ที่พื้นกันค่ะ

38

มาต่อกันที่ 5.การทาสีบ้าน เรียกว่าเป็น “ขั้นตอนการเนรมิตความใหม่ได้ทันทีที่ทา” กันเลยทีเดียว

ต้องบอกก่อนเลยว่า ผู้เช่าบ้านก่อนหน้านี้มีเด็กๆ อยู่ 3-4 คน เป็นมือวางด้านการวาดรูปแบบฉมัง ชนิดที่ไม่มีพื้นที่ว่างๆหลงเหลือกันเลยทีเดียว คือแบบว่าไม่มีการถูกปิดกั้นจินตนาการ สังเกตดูที่กำแพงก่อนการทาสีค่ะ

39

40

41

ขั้นตอนแรกเราก็ทำการล้างเอาคราบฝุ่น คราบมันออกกันเสียก่อนเราใช้น้ำธรรมดากับแปรงขัดๆถูๆ ราดน้ำเอาเศษฝุ่นออกนอกจากรอยขีดเขียนก็ยังมีผนังปรุๆ พรุนๆ และร่องรอยตะปูอีกเป็นจำนวนมาก

เราก็ต้องมาถอนตะปูแล้วเอาปูนยาร่องให้เรียบร้อย ทิ้งไว้ให้แห้งหลังจากนั้นก็เป็นการทาสีรองพื้นสีรองพื้นเราเลือกเป็นสีน้ำมันรองพื้นปูนเก่าอายุมากกว่า 15 ปี ขึ้นไปค่ะ

คนขายบอกว่าสีน้ำมันจะติดแน่นทนนานมากกว่าสีน้ำ เราจึงเลือกสีน้ำมัน แต่ข้อเสียคือกลิ่นเหม็นมากๆ ปวดหัวกันเลยทีเดียวเราเลยใช้ทารองพื้นภายนอกเป็นส่วนใหญ่ เพราะคงต้องกรำแดดกรำฝนมากกว่าภายในกระป๋องที่ 2

เรามาเลือกเป็นสีน้ำรองพื้น สำหรับปูนเก่าเช่นเคย ใช้ทาภายในทิ้งไว้ให้แห้ง ก็ทิ้งไว้เป็นอาทิตย์แหละค่ะ เพราะกว่าจะว่างมาทาอีกทีก็อาทิตย์หน้าเลยจริงๆแล้วทิ้งไว้แค่ประมาณ 6-24 ชั่วโมงก็ทาสีจริงได้เลย

เพื่อจะไม่ทิ้งช่วงให้ฝุ่นมาเกาะอีกรอบนั่นเองสีรองพื้นทารอบเดียวก็พอแล้วนะคะ สีจริงค่อยทา 2 รอบเจ้าของบ้านเลือกเป็นสีขาวค่ะ เพราะว่าชอบ และคิดว่ามันน่าจะดูกว้าง สบายตาดี

สภาพผนังหลังจากล้างขัดเอารอยปากกา/สีเมจิกออกแล้ว

42

เริ่มละเลงสีรองพื้นกันดีกว่า

43

แค่รองพื้นก็เนียนวิ๊งวับ ดูเหมือนใหม่แล้วละค่ะ ลองดู Before and After กัน

44

รองพื้นเรียบร้อยก็ทาสีจริงค่ะ ก็ยังคง Concept ขาวเนียนใส ส่วนของวงกบหน้าต่าง ตอนแรกจะเปลี่ยนเป็นหน้าต่างบานเลื่อน

แต่เพื่อประหยัดงบด้วย คุณพ่อบอกด้วย ว่าวงกบไม้ยังแข็งแรงไม่มีเปื่อย ไม่มีปลวก  หรือมอดเลย จะทิ้งก็เสียดายมาก เราก็เลยใช้กระจกหน้าต่างแบบเดิม

แค่ซ่อมแซมนิดหน่อย ประหยัดได้เยอะมากๆๆๆๆ เลย แค่เราทาสีไม้โอ๊คก็ดูเหมือนใหม่ ตัดกับผนังและเหล็กดัดสีขาว ได้อย่างลงตัว (คิดเอาเอง อิอิ)

ส่วนพื้น ก็จ้างช่างปูกระเบื้องให้ เลือกเป็นกระเบื้องลายไม้ ดูนุ่มนวลผสมผสาน
ดูรูปกันดีกว่า

45

46

47

48

สำหรับห้องนอน
ด้านข้างบันไดที่เห็นตามภาพใช้เหล็กกล่องกั้น แล้วปิดด้วย Smart Board 2 ฝั่ง

หลังจากนั้นใช้ปูนกาวสำหรับยาแนวรอยต่อสำหรับยิปซัม กลบริ้วรอย แล้วจึงทาสีรองพื้น 1 รอบ และตามด้วยสีจริงอีก 2 รอบ

ถ้าสังเกตจะเห็นว่ามีการก่อกำแพงปิดทับหน้าต่างไป 1 บานที่ฝั่งห้องนอน เพราะบานหน้าต่างมันคร่อมราวบันไดอยู่ เบ็ดเสร็จจะได้ห้องนอนขนาด 3 x 4 เมตร ค่ะ

49

ด้านบนเรียบร้อยแล้ว มาต่อกันที่ด้านล่างเลยค่ะ
ด้านล่างก็ทาเช่นเดียวกับด้านบน จะมี 2 ส่วนคือที่ตัวบ้านกับในห้องครัว รอบนี้ระดมพลมายกครัว เอ้าเฮๆๆ

มาดู Before and After กันอีกทีนะ

50

เรียบร้อยสวยงาม เหมือนได้บ้านใหม่มา 1 หลัง

51

ต่อกันด้วยเรื่องระบบไฟฟ้า ช่างของเราไม่ใช่ใครอื่นไกล คุณพ่อของเรานี่เอง

อันดับแรกเราต้องเขียนแปลนให้ช่างดูก่อนว่าจะวางตำแหน่งไฟ และปลั๊กไฟไว้ตรงไหนบ้าง เพื่อจะได้คำนวนสายไฟและอุปกรณ์ได้ถูก

แปลนของเราออกมาประมาณนี้เลย

52

ของจริงมีการปรับจากในแปลนนิดหน่อยจัดแจงไปซื้ออุปกรณ์ อันนี้เอาที่เราสะดวกเลยไม่ว่าจะเป็นตัว เบรคเกอร์กลาง สวิชต์ไฟ สายไฟ หลอดไฟ ด้านบนเป็นดาวไลท์

ส่วนด้านล่างเป็นไฟนีออนไฟบันไดก็ใช้สวิชต์แบบ 2 ทาง ปิดเปิดได้ทั้งด้านล่างและด้านบนบ้านมีสีขาวอยู่แล้วยิ่งทำให้รู้สึกถึงความสว่างมากยิ่งขึ้น

53

สรุปราคาแล้วเสียแค่ค่าอุปกรณ์อย่างเดียวเท่านั้นเอง

#ราคารวมจากการรีโนเวทบ้านในครั้งนี้รวมกับราคาตัวบ้าน อยู่ที่ราวๆ 8XX,XXX บาทเท่านั้นแต่ก็ยังมีอีกหลายรายการที่ต้องรอการจัดสรรงบประมาณ ทั้งเฟอร์นิเจอร์, กันสาดหน้าบ้าน และการตกแต่งภายในอีกนิดหน่อย

แต่แค่นี้ก็เข้าอยู่ได้สบายๆ แถมได้ที่นอนให้รถอีกคันนึงเป็นความเหน็ดเหนื่อยที่น่าภูมิใจไม่น้อยเลยนะคะ

ลองมาดูภาพเปรียบเทียบ Before and After กันอีกที

 

54

55

56

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : สมาชิกหมายเลข 938988 Pantip.com


Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.